วันจันทร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2557

บทที่4 พลังงานนิวเคลียร์

พลังงานนิวเคลียร์


ดวงอาทิตย์เปรียบเสมือนเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดใหญ่ในธรรมชาติ ที่ให้พลังงานแก่โลกของเรา นอกจากนี้มนุษย์ยังสร้างเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ เพื่อใช้ประโยชน์จากพลังงานนิวเคลียร์ในการผลิตไฟฟ้า และใช้ประโยชน์จากกัมมันตภาพรังสี ในทางการแพทย์และอุตสาหกรรม 

ภาพพลังงานนิวเคลียร์

ตัวอย่างภาพโรงงานพลังงานนิวเคลียร์

ความรู้เกี่ยวกับพลังงานนิวเคลียร์



ขอขอบคุณความรู้รูปภาพ,วิดีโอความรู้
1. http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A2%E0%B9%8C
2. https://www.youtube.com/watch?v=4smoAyspA0g
3. http://www.youtube.com/watch?v=HwhiFgLqjOQ
4.http://kanchanapisek.or.th/kp6/sub/book/book.php?book=27&chap=8&page=t27-8-infodetail02.html
5.http://www.vcharkarn.com/electric/article/view.php?id=43885

บทที่ 3 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า

คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า


ลักษณะคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า 
         คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นคลื่นตามขวาง  ประกอบด้วยสนามไฟฟ้าและสนามแม่เหล็กที่มีการสั่นในแนวตั้งฉากกัน และอยู่บนระนาบตั้งฉากกับทิศการเคลื่อนที่ของคลื่น คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นคลื่นที่เคลื่อนที่โดยไม่อาศัยตัวกลาง จึงสามารถเคลื่อนที่ในสุญญากาศได้

                                                                                                         สเปกตรัมของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า



***สิ่งที่ควรรู้
     
1. ถ้าเรียงลำดับสเปกตรัมของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากความยาวคลื่น(λ)มากไปน้อยจะได้เป็น  วิทยุ  ไมโครเวฟ  อินฟราเรด  แสง  อัลตราไวโอเลต  รังสีเอ็กซ์  รังสีแกมมา

2. ความเร็วในการเคลื่อนที่ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในสุญญากาศ(c) มีค่าเท่ากับ 3x10 ยกกำลัง8     เมตร/วินาที

3. ความสัมพันธ์ระหว่าง ความยาวคลื่น(λ )  ความถี่(f)  และ ความเร็ว(c) เป็นดังนี้ 


4.  แสง  มีความยาวคลื่น  400 nm-700 nm เรียงจากความยาวคลื่นจากน้อยไปมาก  คือ  ม่วง  คราม  น้ำเงิน  เขียว  เหลือง  แสด  แดง


คลื่นวิทยุ
คลื่นวิทยุ  เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่อยู่ใน 
ช่วงเฮิรตซ์
ระบบเอเอ็ม (Amplitude Modulation : A.M.) ความถี่อยู่ในช่วง 530-1600 กิโลเฮิรตซ์  จะเป็นการผสม(Modulate)  สัญญาณเสียงเข้ากับคลื่นวิทยุ (คลื่นพาหะ)  โดยสัญญาณเสียงจะบังคับให้คลื่นพาหะมีแอมพลิจูดเปลี่ยนแปลงไปตามสัญญาณเสียง คลื่นวิทยุในช่วงความถี่นี้จะสามารถสะท้อนได้ดีที่บรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียร์

ข้อดี คือ ทำให้สามารถสื่อสารได้ไกลเป็นพันๆ กิโลเมตร(คลื่นฟ้า)

ข้อเสีย คือ จะถูกคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากแหล่งอื่นๆ แทรกเข้ามา รบกวนได้ง่าย

ระบบเอฟเอ็ม (Frequency Modulation : F.M.)  ความถี่อยู่ในช่วง 80-108 เมกะเฮิรตซ์  เป็นการผสม(Modulate) สัญญาณเสียงเข้ากับคลื่นวิทยุ (คลื่นพาหะ) โดยสัญญาณเสียงจะบังคับให้คลื่นพาหะมีความถี่เปลี่ยนไปตามสัญญาณเสียง

ข้อดี คือ ทำให้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากแหล่งอื่นรบกวนได้ยาก

ข้อเสีย คือ สะท้อนบรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียร์ได้น้อยมาก ทำให้การส่งกระจายเสียงต้องใช้สถานีถ่ายทอดเป็นระยะๆ (คลื่นดิน)

คลื่นโทรทัศน์และไมโครเวฟ

คลื่นโทรทัศน์และไมโครเวฟ  มีความถี่ในช่วง 
เฮิรตซ์ เป็นคลื่นที่ไม่สะท้อนในชั้นไอโอโนสเฟียร์ แต่จะทะลุชั้นบรรยากาศออกไปนอกโลกเลย การส่งสัญญาณต้องมีสถานีถ่ายทอดเป็นระยะๆ หรือใช้ดาวเทียมในการถ่ายทอด ส่วนคลื่นไมโครเวฟจะใช้ในอุปกรณ์สำหรับหาตำแหน่งของสิ่งกีดขวาง ตรวจจับอัตราเร็วของรถยนต์ และอากาศยานในท้องฟ้า ซึ่งเป็นอุปกรณ์สร้างขึ้นเพื่อใช้ตรวจหาที่เรียกว่า  เรดาร์ (Radiation Detection And Ranging : RADAR) เพราะคลื่นไมโครเวฟสามารถสะท้อนผิวโลหะได้ดี ทำให้อาหารสุกได้ โดยโมเลกุลของน้ำที่อยู่ในอาหารสั่นสะเทือนประมาณ 2450 ล้านครั้งต่อนาที  การสั่นนี้ทำให้อาหารดูดพลังงาน และเกิดความร้อนในอาหารโดยไม่มีการสูญเสียพลังงานในการทำให้เตาหรืออากาศในเตาร้อนขึ้น  อาหารจึงร้อนและสุกอย่างรวดเร็ว ภาชนะที่ทำด้วยโลหะและไม้ไม่ควรใช้ เพราะโลหะสะท้อนไมโครเวฟออกไป  ส่วนเนื้อไม้มีความชื้น เมื่อร้อนจะทำให้ไม้แตกควรใช้ภาชนะประเภทกระเบื้อง  และแก้วเพราะจะไม่ดูดความร้อนจากสนามแม่เหล็ก

รังสีอินฟราเรด
รังสีอินฟราเรด มีความถี่ในช่วง 
เฮิรตซ์  เกิดจากวัตถุที่มีอุณหภูมิสูงโดยมนุษย์สามารถรับรังสีนี้ได้โดยประสาทสัมผัสทางผิวหนัง รังสีอินฟราเรดมีความสามารถทะลุผ่านเมฆหมอกที่หนาได้มากกว่าแสงธรรมดา จึงทำให้รังสีอินฟราเรดมาใช้ในการศึกษาสภาพแวดล้อมและลักษณะพื้นผิวโลก  โดยการถ่ายภาพพื้นโลกจากดาวเทียม  ส่วนนักธรณีวิทยาก็อาศัยการถ่ายภาพจากดาวเทียมด้วยรังสีอินฟราเรดในการสำรวจหาแหล่งน้ำมัน   แร่ธาตุ และชนิดต่างๆ ของหินได้

นอกจากนี้รังสีอินฟราเรดยังใช้ในรีโมทคอนโทรล (Remote control) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ควบคุมระยะไกลในกรณีนี้รังสีอินฟราเรดจะเป็นตัวนำคำสั่งจากอุปกรณ์ควบคุมไปยังเครื่องรับ  และใช้รังสีอินฟราเรดเป็นพาหนะนำสัญญาณในเส้นใยนำแสง (Optical fiber) ปัจจุบันทางการทหารได้นำรังสีอินฟราเรดนี้มาใช้ในการควบคุมการเคลื่อนที่ของอาวุธนำวิถีให้เคลื่อนที่ไปยังเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ

แสง
แสง มีความถี่ประมาณ 
 เฮิรตซ์ มีความยาวคลื่น 400nm-700nm มนุษย์สามารถรับรู้แสงได้ด้วยประสาทสัมผัสทางตา โดยจะเห็นเป็นสีต่างๆ เรียงจากความถี่มากไปน้อย  คือ  ม่วง  คราม น้ำเงิน เขียวเหลือง แสด แดง ส่วนใหญ่แสงจะเกิดจากวัตถุที่มีอุณหภูมิสูงมากๆ ซึ่งจะส่งออกมาพร้อมๆกันหลายความถี่  เมื่อมีอุณหภูมิยิ่งสูงความถี่แสงที่เปล่งออกมาก็ยิ่งมาก  นักวิทยาศาสตร์จึงใช้สีแสงของดาวฤกษ์ในการบอกว่าดาวฤกษ์ดวงใดมีอุณหภูมิสูงกว่ากัน  เช่น  ดาวฤกษ์สีน้ำเงินจะมีอุณหภูมิสูงกว่าดาวฤกษ์สีเหลือง,เปลวไฟจากเตาแก๊สซึ่งมีอุณหภูมิสูงจะเกิดสีน้ำเงิน หรือสีม่วง  แต่ไฟจากแสงเทียนซึ่งมีอุณหภูมิต่ำกว่าจะเกิดแสงสีแดง หรือสีแสด เป็นต้น

รังสีอัลตราไวโอเลต
รังสีอัลตราไวโอเลต  มีความถี่ในช่วง 
เฮิรตซ์ ในธรรมชาติส่วนใหญ่มาจากดวงอาทิตย์รังสีนี้เป็นตัวการทำให้บรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียร์แตกตัวเป็นไอออนได้ดี(เพราะรังสีอัลตราไวโอเลตมีพลังงานสูงพอที่ทำให้อิเล็กตรอนหลุดจากโมเลกุลอากาศ พบว่าในไอโอโนสเฟียร์มีโมเลกุลหลายชนิด  เช่น โอโซนซึ่งสามารถกั้นรังสีอัลตราไวโอเลตได้ดี)
ประโยชน์ของรังสีอัลตราไวโอเลต  คือ ใช้ตรวจสอบลายมือชื่อ,ใช้รักษาโรคผิวหนัง,ใช้ฆ่าเชื้อโรคบางชนิดได้,ใช้ในสัญญาณกันขโมย  แต่รังสีอัลตราไวโอเลตถ้าได้รับในปริมาณที่สูงอาจทำให้เกิดอันตรายต่อเซลล์ผิวหนังเป็นมะเร็งผิวหนัง และเป็นอันตรายต่อนัยน์ตาของมนุษย์ได้

รังสีเอกซ์
รังสีเอกซ์ มีความถี่ในช่วง 
 เฮิรตซ์ มี 2 แบบรังสีเอกซ์มีสมบัติในการทะลุสิ่งกีดขวางหนาๆ และตรวจรับได้ด้วยฟิล์ม จึงใช้ประโยชน์ในการหารอยร้าวภายในชิ้นโลหะขนาดใหญ่  ใช้ในการตรวจสอบสัมภาระของผู้โดยสาร  ตรวจหาอาวุธปืนหรือวัตถุระเบิดและในทางการแพทย์ใช้รังสีเอกซ์ฉายผ่านร่างกายมนุษย์ไปตกบนฟิล์มในการตรวจหาความผิดปกติของอวัยวะภายใน และกระดูกของมนุษย์

รังสีแกมมา
รังสีแกมมา ใช้เรียกคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่สูงมากกว่ารังสีเอกซ์  เกิดจากการสลายตัวของนิวเคลียสของธาตุกัมมันตรังสี  หรือเป็นรังสีพลังงานสูงจากนอกโลก เช่น  รังสีคอสมิกและบางชนิดมาจากการแผ่รังสีของประจุไฟฟ้าที่ถูกเร่งในเครื่องเร่งอนุภาค (Cyclotron) มีอันตรายต่อมนุษย์มากทีึ่สุด เพราะสามารถทำลายเซลล์สิ่งมีชีวิตได้ แต่สามารถใช้ประโยชน์ในการรักษาโรคมะเร็งได้

วิดีโอความรู้เรื่อง คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า







ขอขอบคุณข้อมูลความรู้,รูปภาพ,วิดีโอ
1. จากเอกสารประกอบการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์(คุณครูพิพัฒน์พงษ์ สาจันทร์) 
2. ข้อมูลความรู้เป็นวิดีโอจากช่องยูทูป ของคุณครูพิพัฒน์พงษ์ สาจันทร
3. http://www.atom.rmutphysics.com/charud/oldnews/0/285/17/2/EMW.htm
4. http://www.gisthai.org/about-gis/electromagnetic.html


วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

บทที่ 2 เสียง

เสียง







เสียง

การเกิดเสียงและการเคลื่อนที่ของเสียง
เสียงเกิดจากการสั่นของแหล่งกำเนิด  มีลักษณะสำคัญดังนี้
  
           ☺ เสียงเป็นคลื่นชนิดหนึ่ง  เพราะสามารถแสดงสมบัติการสะท้อน  การหักเห  การแทรกสอด
และการเลี้ยวเบนได้
           ☺ เสียงเป็นคลื่นกล ตามยาวเพราะต้องอาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่  และอนุภาคตัวกลางสั่นขนานกับทิศการเคลื่อนที่ของคลื่น
           ☺ คลื่นเสียงเคลื่อนที่จากแหล่งกำเนิดไปถึงผู้ฟังได้ เกิดจากการสั่นของตัวกลาง
            โมเลกุลของอากาศในบริเวณที่เป็นส่วนอัดจะมีจำนวนมากกว่าเดิม ทำให้ความดันของอากาศที่บริเวณส่วนอัดมีค่าเพิ่มขึ้น
           ☺ โมเลกุลของอากาศในบริเวณที่เป็นส่วนขยายจะมีจำนวนน้อยกว่าเดิม ทำให้ความดันของอากาศที่บริเวณส่วนขยายมีค่าลดลง



ทั้งสองรูปนี้แสดงช่วงอัดและช่วงขยายของคลื่น

สรุปเรื่องเสียง

เสียงเป็นคลื่นกลตามยาว เพราะอาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่ซึ่งตัวกลางสั่นขนานกับทิศการเคลื่อนที่ของคลื่น
 อุณหภูมิมาก อัตราเร็วเสียงมาก  อุณหภูมิน้อย  อัตราเร็วเสียงน้อย
หูคนปกติได้ยินเสียงความถี่ในช่วง  20-20,000 Hz ต่ำกว่า 20 Hz  เรียกว่า คลื่นอินฟราโซนิก
(Infrasonic) เช่น การสื่อสารของช้าง สูงกว่า 20,000 Hz เรียกว่า คลื่นอัลตราโซนิก (Ultrasonic)  
เช่น  เสียงของค้างคาว   โลมา   วาฬ
ความดัง  ดูจากปริมาณความเข้มเสียง  ระดับเสียง  ดูจากความถี่เสียง  
คุณภาพเสียง  ดูจากรูปคลื่น หรือฮาร์มอนิกส์
อัตราเร็วเสียงหาจาก V = 331+0.6t  
ความถี่บีตส์ หาจาก  


ขอขอบคุณเว็ปความรู้ และรูปภาพ

1.ขอขอบคุณเว็ปความรู้จากคุณครูพิพัฒน์พงษ์   สาจันทร์
2.http://www.rsu.ac.th/science/physics/pom/physics_2/sound/sound_1.htm    (รูปภาพ)

วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

บทที่ 1 คลื่นกล

คลื่นกล



ความหมายและประเภทของคลื่น

คลื่น คือ การส่งผ่านพลังงานจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งโดยไม่มีการนำพาสสารไปพร้อมกับพลังงาน  
***มีสมบัติการสะท้อน   สมบัติการหักเห  สมบัติการแทรกสอด  และสมบัติการเลี้ยวเบน เป็นพื้นฐาน

การจำแนกคลื่นตามลักษณะการอาศัยตัวกลาง  แบ่งเป็น 2 แบบ คือ

1.คลื่นกล (Mechanical Wave)  คือ คลื่นที่ต้องอาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่  เช่น  คลื่นเสียง  คลื่นน้ำ
คลื่นในเส้นเชือก  เป็นต้น

2.คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic Wave) คือ คลื่นที่เคลื่อนที่โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยตัวกลาง ได้แก่
คลื่นวิทยุ  คลิ่นไมโครเวฟ คลื่นอินฟาเรด คลื่นแสง คลื่นอัลตราไวโอเลต รังสีแอ็กซ์ และรังสีแกมมาคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าทุกชนิดจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่ากัน คือเมตรต่อวินาที

การจำแนกคลื่นตามทิศการเคลื่อนที่ของคลื่นและการสั่นของอนุภาคตัวกลาง    แบ่งเป็น 2 แบบ คือ 

1.คลื่นตามขวาง (Transverse Wave) คือ คลื่นที่มีทิศการสั่นของอนุภาคตัวกลางตั้งฉากกับทิศการเคลื่อนที่ของคลื่น  เช่น  คลื่นผิวน้ำ  คลื่นในเส้นเชือก  เป็นต้น



*** หมายเหตุ  คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นคลื่นตามขวาง เพราะสนามไฟฟ้า-สนามแม่เหล็กสั่นตั้งฉาก
 กับทิศการเคลื่อนที่

2.คลื่นตามยาว (Longitude Wave) คือ คลื่นที่มีทิศการสั่นของอนุภาคตัวกลางขนานกับทิศการเคลื่อนที่ของคลื่น  เช่น  คลื่นเสียง  คลื่นที่เกิดจากการอัดลวดปริงแล้วปล่อย



ส่วนประกอบของคลื่น


1.สันคลื่น (Crest) เป็นตำแหน่งสูงสุดของคลื่น
2.ท้องคลื่น (Trought) เป็นตำแหน่งต่ำสุดของคลื่น
3.การกระจัด (Displacement) คือ ระยะที่วัดจากแนวสมดุลไปยังตำแหน่งใดๆ บนคลื่น
   -ตำแหน่งที่สูงกว่าแนวสมดุล  การกระจัดจะเป็นบวก
   -ตำแหน่งที่ต่ำกว่าแนวสมดุล  การกระจัดจะเป็นลบ
4.แอมพลิจูด (Amplitude, A) คือ การกระจัดของอนุภาคที่มีค่ามากที่สุด
5.ความยาวคลื่น (Wavelength, λ) คือ  ระยะห่างระหว่างสันคลื่นกับสันคลื่นที่อยู่ติดกัน หรือท้องคลื่นกับท้องคลื่นที่อยู่ติดกัน  หรือระยะความยาวของลูกคลื่น 1 ลูก 
6.คาบ (Period, T) คือ เวลาที่คลื่นเคลื่อนที่ผ่านตำแหน่งใดๆ ครบหนึ่งลูกคลื่น มีหน่วยเป็น วินาที


    สมบัติของคลื่น
1.การสะท้อน
    การสะท้อนของคลื่นจะเกิดเมื่อคลื่นเคลื่อนที่ไปกระทบสิ่งกีดขวางแล้วเปลี่ยนทิศทาง                               กลับสู่ตัวกลางเดิม
สิ่งที่ควรทราบ  ความถี่ ความยาวคลื่น และอัตราเร็วของคลื่นสะท้อน จะมีค่าเท่ากับความถี่่    ความยาวคลื่น  และอัตราเร็วของคลื่นตกกระทบเสมอ

2.การหักเห
   การหักเห คือ การที่คลื่นน้ำเคลื่อนที่จากตัวกลางหนึ่ง(บริเวณหนึ่ง)                                                            ไปสู่อีกตัวกลางหนึ่ง(อีกบริเวณหนึ่ง) แล้วทำให้อัตราเร็วของคลื่นเปลี่ยนไป (λ เปลี่ยนไปด้วย แต่             f คงที่)  โดยที่คลื่นที่เคลื่อนที่ผ่านรอยต่อระหว่างตัวกลางไปเรียกว่า  คลื่นหักเห


สิ่งที่ควรรู้

        1.เมื่อคลื่นเคลื่อนที่มาถึงรอยต่อระหว่างน้ำลึกและน้ำตื้น จะมีคลื่นเคลื่อนที่หักเหผ่านรอยต่อไป 
และจะมีคลื่นส่วนหนึ่งเกิดการสะท้อนเข้าไปสู่ตัวกลางเดิม โดยคลื่นสะท้อนนั้นจะมีแอมพลิจูดลดลง
       
       2.สมบัติการหักเหของคลื่น  จะทำให้ V และ λ  เปลี่ยนไป  แต่ทิศการเคลื่อนที่ของคลื่นอาจจะเปลี่ยนไปหรือคงเดิมก็ได้

                  -ถ้าทิศของคลื่นตกกระทบตั้งฉากกับรอยต่อหรือหน้าคลื่นตกกระทบขนานกับรอยต่อระหว่างตัวกลาง ทิศของคลื่นที่หักเหผ่านไปในอีกตัวกลางหนึ่งจะไม่เปลี่ยนแปลง
                  -ถ้าทิศของคลื่นตกกระทบทำมุมกับรอยต่อหรือหน้าคลื่นตกกระทบทำมุมกับรอยต่อระหว่างตัวกลาง ทิศของคลื่นที่หักเหผ่านไปในอีกตัวกลางหนึ่งจะปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

    3.จากกฎของสเนลล์ถ้ามุมตกกระทบมากกว่าศูนย์

ในน้ำลึก  คลื่นจะมีความเร็วมาก   ความยาวคลื่นมาก  มุมตกกระทบหรือมุมหักเหจะมาก
ในน้ำตื้น  คลื่นจะมีความเร็วน้อย  ความยาวคลื่นน้อย มุมตกกระทบหรือมุกหักเหจะน้อย

3.การแทรกสอด
     เมื่อทำการทดลองโดยให้มีคลื่นต่อเนื่องจากแหล่งกำเนิดคลื่นสองแหล่งที่มีความถี่เท่ากันและมีเฟสตรงกันเคลื่อนที่มาพบกัน  จะเกิดการซ้อนทับระหว่างคลื่นต่อเนื่องทั้งสองขบวนนั้น เกิดเป็นแนวมืดและแนวสว่างสลับกัน  เรียกว่า  ลวดลายการแทรกสอด(Interference pattern) ปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดจาก
การแทรกสอดของคลื่น



-การแทรกสอดแบบเสริมกัน  เป็นการแทรกสอดซึ่งสันคลื่นของคลื่นทั้งสองมารวมกัน  หรือท้องคลื่นของคลื่นทั้งสองมารวมกัน (เฟสตรงกันมาพบกัน)  คลื่นลัพธ์ที่เกิดขึ้น จะมีสันคลื่นสูงกว่าเดิม  และมีท้องคลื่นลึกกว่าเดิม  และจะเรียกตำแหน่งนั้นว่า  ปฏิบัพ(Anti node, A) ของการแทรกสอด โดยตำแหน่งนั้นผิวน้ำจะนูนมากที่สุดหรือเว้าลงไปมากที่สุด


  -การแทรกสอดแบบหักล้าง  เป็นการแทรกสอดซึ่งสันคลื่นจากแหล่งกำเนิดหนึ่งมารวมกับท้องคลื่นของอีกแหล่งกำเนิดหนึ่ง (เฟสตรงกันข้ามมาพบกัน) คลื่นลัพธ์ที่เกิดขึ้นจะมีสันคลื่นต่ำกว่าเดิม และท้องคลื่นตื้นกว่าเดิม  และจะเรียกตำแหน่งนั้นว่า บัพ (Node,N) ของการแทรกสอด โดยตำแหน่งนั้นน้ำจะไม่กระเพื่อมเลย  หรือกระเพื่อมน้อยที่สุด

4.การเลี้ยวเบน
   ถ้ามีสิ่งกีดขวางกั้นการเคลื่อนที่ของคลื่นเพียงบางส่วน จะพบว่ามีคลื่นส่วนหนึ่งแผ่จากขอบของสิ่งกีดขวางไปทางด้านหลังของสิ่งกีดขวางนั้น  การที่มีคลื่นปรากฏอยู่ทางด้านหลังของแผ่นกั้นคลื่นในบริเวณนองทิศทางเดิมของคลื่นเรียกว่า  การเลี้ยวเบนของคลื่น




สิ่งที่ควรรู้
1. การเลี้ยวเบนของคลื่นยังคงมีความยาวคลื่น  ความถี่  และอัตราเร็วเท่าเดิม
2. เมื่อความถี่ของคลื่นน้ำต่ำหรือความยาวคลื่นมาก  คลื่นจะอ้อมสิ่งกีดขวางไปได้ไกลกว่าเมื่อใช้ความถี่สูง
3. แอมพลิจูดของคลื่นที่เลี้ยวเบนไปจะลดลง


ขอขอบคุณแหล่งอ้างอิง(สาระความรู้,ภาพ,วีดิโอ)

1.http://dc229.4shared.com/doc/6ctjisqz/preview.html
2.http://www.sa.ac.th/winyoo/mechanicswave/wave_typ.htm
3.http://orapanwaipan.wordpress.com/%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A/%E0%B8%9F%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B9%8C-1/%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%A5/
4.http://irrigation.rid.go.th/rid17/Myweb/machanical/commu/vorapot1.html
5.http://www.neutron.rmutphysics.com/teaching-glossary/index.php?option=com_content&task=view&id=4949&Itemid=11
6.http://www.thaigoodview.com/node/87427?page=0,1
7.http://www.youtube.com/watch?v=Ex-yCNgiNY0
8.https://www.youtube.com/watch?v=V8Pr9RFf-Dc

วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2557

หน้าแรก

หน้าแรก


โรงเรียนเทพลีลา
วิชาวิทยาศาสตร์ 5 ว33101
  • เวลาเรียน 2 คาบ/สัปดาห์
  • จำนวนหน่วย 1 หน่วย
  • ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่6/3-6/7
  • ครูผู้สอน  คุณครูพิพัฒน์พงษ์ สาจันทร์
  • เนื้อหา 
                        * บทที่ 1 คลื่น
                        * บทที่ 2 เสียง
                        * บทที่ 3 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
                        * บทที่ 4 พลังงานนิวเคลียร์
  • เกณฑ์การให้คะแนน
  • คะแนนเก็บ 50 คะแนน
                      * ชิ้นงาน  10 คะแนน
                      * การบ้าน 20 คะแนน
                      * สอบย่อย 20 คะแนน
  • คะแนนกลางภาค 20 คะแนน
  • คะแนนปลายภาค 30 คะแนน


วันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

นางสาวกมลชนก น้อยชนะ ชั้นม.6/5 เลขที่10


สวัสดีค่ะ

                                              ดิฉันชื่อ: นางสาวกมลชนก  น้อยชนะ  ชื่อเล่น: เค้ก
                                               
                                              ขณะนี้กำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/5  โรงเรียนเทพลีลา 
                                             
                                              เรียนสาย: ภาษาอังกฤษ-ภาษาญี่ปุ่น  
        
                                              ความใฝ่ฝัน: ผู้ประกาศข่าว,นักธุรกิจ
            
                                              คติประจำใจ: จะไม่มีคำว่า "สำเร็จ" ถ้าไม่พยายาม
                                              
                                              ชอบธรรมะ หรือคติธรรมสอนใจมากๆค่ะ
                                               
                                              ชอบฟังเพลง ^^__^^ 
                                                     





 




สีที่ชอบ: สีเหลือง  อาหารที่ชอบ: แกงส้มใต้(ฝีมือแม่)

ชื่นชอบธรรมชาติมากๆค่ะ



ความภาคภูมิใจ










      





ภาพถ่าย ^_^ 




เพลงที่ชื่นชอบ ^^__^^ 










***ขอขอบคุณwww.youtube.com
ขอบคุณพี่ๆทุกคนที่ทำซับเพลงในMV เพลงของเกาหลีนะคะ ^^__^^